วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

หลักสูตรช่างยนต์

ในช่วงแรกที่เปิดสอนจะมีเพียงหลักสูตรเดียวคือ หลักสูตรช่างยนต์ และการรับสมัครผู้ที่จะสามารถเข้าศึกษาที่นี่ได้จะต้องจบการศึกษาในระดับ ปวช. สาขาช่างยนต์เท่านั้น
แต่ในปัจจุบัน ด้วยการตอบรับที่ดี ตลอดจนต้องการผลิตบุคลากรทางด้านช่างยนต์ในส่วนต่างๆ เพิ่มเติม จึงมีการเปิดสอนทั้งหมด 3 หลักสูตรคือ…
– หลักสูตรเทคโนโลยีรถยนต์ ศึกษาเทคโนโลยีรถยนต์ รวมทั้งฝึกทักษะการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานของโตโยต้า เพื่อให้เกิดความชำนาญ สามารถวิเคราะห์และซ่อมแซมรถยนต์สมัยใหม่ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย ภายใต้ระบบปฏิบัติงานที่ล้ำสมัยในศูนย์บริการโตโยต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– หลักสูตรเทคโนโลยีการบริการรถยนต์ ศึกษาเทคโนโลยีรถยนต์ และฝึกทักษะการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ หลักการบริหาร และการบริการลูกค้า การปฏิบัติงานระบบอะไหล่โตโยต้า เพื่อสามารถวิเคราะห์และระบุปัญหา พร้อมทั้งแจ้งรายการซ่อมแซมรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังอธิบายรายละเอียดการซ่อม ด้วยอุปกรณ์สื่อสารที่มีใช้ในศูนย์บริการโตโยต้าให้กับลูกค้าได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
– หลักสูตรเทคโนโลยีตัวถังและสีรถยนต์ ศึกษาเทคโนโลยีด้านโครงสร้างตัวถังรถยนต์ วิทยาการด้านสีพ่นรถยนต์ รวมทั้งฝึกทักษะการซ่อมตัวถังรถยนต์ และสีพ่นรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ล้ำสมัย เพื่อซ่อมรถยนต์สมัยใหม่ที่มีโครงสร้างและระบบสีที่ซับซ้อนให้กลับคืนสู่ สภาพปกติ อย่างถูกต้องตามมาตรฐานของโตโยต้า และพร้อมที่จะปฏิบัติงานในศูนย์บริการโตโยต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าศึกษาต่อทั้งผู้ที่จบในระดับ ปวช.สาขาช่างยนต์ และผู้ที่จบในระดับ ม.6
โอกาสในการทำงาน
อย่างที่ได้บอกไปว่า Toyota Automotive Technological College ได้ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับศูนย์บริการของตนเอง ดังนั้นผู้ที่จบการศึกษาจากที่นี่มีสิทธิหรือโอกาสที่จะได้เข้าทำงานกับศูนย์บริการของโตโยต้าทั่วประเทศ ซึ่งมีตำแหน่งงานเพียงพอที่จะรองรับผู้ที่จบจากสถาบันแห่งนี้ได้ทุกคนในทุกๆ ปี
แต่ด้วยการเรียนการสอนเป็นภาคสมัครใจ ผู้เรียนมีการจ่ายค่าหน่วยกิตเช่นเดียวกับสถานศึกษาอื่นๆ จึงไม่มีการผูกมัดในเรื่องของสัญญาใดๆ ว่าเมื่อจบแล้วจะต้องทำงานกับโตโยต้าเป็นระยะเวลากี่ปี ดังนั้นมีโอกาสที่จะสมัครเข้าทำงานกับบริษัทอื่นๆ ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งศูนย์บริการรถยนต์ส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจและตอบรับผู้สมัครที่จบจากสถาบันแห่งนี้
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่ดี และมีโอกาสและช่องทางในการทำงานที่ดี ที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ ช่วงวันจันทร์ – ศุกร์ นักศึกษาจะต้องอยู่ภายในพื้นที่ของสถาบันเท่านั้น โดยจะมีหอพัก แคนทีน และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการอย่างพร้อมสรรพ สนใจดูราย

การทำเค้ก

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ
          10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญวันเกิดด้วยฝีมือตัวเอง ที่จะทำให้งานวันเกิดคนสำคัญของคุณพิเศษกว่าปีไหน ๆ ด้วยสูตรเค้กวันเกิด ถึง 10 สไตล์ เห็นชัด ๆ ทุกขั้นตอน

          ใกล้จะถึงวันเกิดคนสำคัญทั้งที เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่อยากซื้อเค้กแบบสำเร็จรูปให้เป็นของขวัญกันเท่าไร ใครอยากลองทำเค้กวันเกิดเซอร์ไพรส์คนพิเศษบ้างคะ ? ยกมือแสดงตัวหน่อย เค้กวันเกิดมีให้เลือกหลายแบบ และทำไม่ยากหรอกค่ะ วัตถุดิบเราเลือกเองได้ อยากใส่หรืออยากลดส่วนผสมอะไรตรงไหนก็ตัดสินใจได้เอง กระปุกดอทคอมขอมอบ 10 วิธีทำเค้กวันเกิดเพื่อวันพิเศษสำหรับคนที่คุณรัก รับรองว่าคนรับจะต้องปลื้มใจที่สุด และทุกคนที่มาร่วมงานจะต้องตื่นตาตื่นใจกับเค้กวันเกิดฝีมือคุณอย่างแน่นอน
10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ
ภาพจาก Bird On A Cake

1. เค้กแตงโม

          คนพิเศษของใครชอบกินแตงโมบ้างคะ ผลไม้สีแดง หวานฉ่ำ เย็นชื่นใจ ทราบไหมว่า นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วยังสามารถนำมาทำเป็นเค้กแตงโมอร่อยล้ำไม่ซ้ำใครได้อีกด้วย นอกจากจะมีเนื้อแตงโมเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว ยังตกแต่งให้คล้ายกับแตงโมอีกด้วย และโรยช็อกโกแลตชิพลงไปเสมือนเม็ดแตงโม สีสันสดใส หน้าตาดูดี กัดเข้าไปคำแรกก็ได้ลิ้มรสชาติจากเนื้อแตงโม แถมได้กลิ่นหอม ๆ แล้วล่ะ

ส่วนผสม แป้งเค้กแตงโม
          • แป้งเค้กสำเร็จรูป 1 กล่อง
          • ผงวุ้นสำเร็จรูปกลิ่นแตงโม 1 กล่อง (แบ่งไว้สำหรับทำครีมชีสแตงโม 2 ช้อนชา)
          • เนื้อแตงโมบดละเอียด 1/2 ถ้วย
          • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
          • น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
          • ไข่ไก่ 4 ฟอง
          • ช็อกโกแลตชิพเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย (นำไปเขย่าในถุงซิปล็อกกับแป้งเค้กเล็กน้อยเพื่อให้แป้งเคลือบทั่วช็อกโกแลต)
          • สีผสมอาหารสีแดง

ส่วนผสม ครีมชีสแตงโม

          • ครีมชีส 8 ออนซ์ (วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องจนนิ่ม)
          • เนยสดชนิดจืด 1/2 ถ้วย (วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องจนนิ่ม)
          • น้ำตาลไอซิ่ง 5 ถ้วย
          • เนื้อแตงโมบดละเอียด 2 ช้อนชา
          • ผงวุ้นสำเร็จรูปกลิ่นแตงโม 2 ช้อนชา
          • สีผสมอาหารสีแดงและสีเขียว

วิธีทำเค้กแตงโม

          1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
          2. รองกระดาษไขลงในพิมพ์ ฉีดสเปรย์กันติดให้ทั่วพิมพ์ เตรียมไว้
          3. วิธีทำแป้งเค้กแตงโม ใส่แป้งเค้กกับผงวุ้นลงในอ่างผสม ตีผสมเข้าด้วยกัน เติมน้ำ และน้ำมันพืชลงไป ตีผสมด้วยความเร็วปานกลาง เติมไข่ไก่ ตีผสมพอเข้ากัน ใส่เนื้อแตงโมบดละเอียดลงไป ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว เติมสีผสมอาหารสีแดงลงไปเล็กน้อย (ให้เนื้อเค้กมีสีแดงตามความพอใจ) เติมช็อกโกแลตชิพที่คลุกแป้งแล้วลงไป ใช้พายยางคนผสมให้กระจายทั่วแป้ง จากนั้นเทลงพิมพ์กลม
          4. นำเข้าอบประมาณ 30-35 นาที จากนั้นนำออกจากพิมพ์ สไลซ์เค้กเป็น 2 แผ่น เตรียมไว้
          5. ตีผสมครีมชีสกับเนยเข้าด้วยกัน เติมเนื้อแตงโม น้ำตาลไอซิ่ง และผงวุ้น ตีผสมให้เข้ากันจนเนียน จากนั้นแบ่งครีมชีสเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกปริมาณ 1/3 ถ้วย ผสมกับสีผสมอาหารเขียว และ ส่วนที่ 2 ปริมาณ 2/3 ถ้วย ผสมสีผสมอาหารสีแดง (ให้มีสีที่ใกล้เคียงกับสีเค้ก) คนผสมให้เข้ากัน
          6. ปาดครีมชีสสีชมพูลงบนเค้กแผ่นที่ 1 วางทับด้วยเค้กอีกแผ่น ปาดครีมชีสสีชมพูทับด้านบนอีกครั้ง จากนั้นปาดครีมชีสสีเขียวด้านข้างให้ทั่ว โรยช็อกโกแลตชิพด้านบนให้คล้ายเม็ดแตงโม นำเข้าแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ

+++++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ
ภาพจาก gimmesomeoven.com

2. เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง

          ถ้าจะลองทำเค้กช็อกโกแลตไว้เซอร์ไพร์สวันเกิด ลองเลือกเป็นแบบสูตรไร้แป้งน่าจะดีนะคะ กินได้หลายชิ้นม่ต้องกลัวอ้วนด้วย เหมาะสำหรับคนชอบรสขมของช็อกโกแลตแบบเต็ม ๆ สูตรนี้ส่วนผสมหลัก ๆ มีแค่ 3 อย่าง คือ ไข่ไก่ ดาร์กช็อกโกแลต และเนยเท่านั้น อ้ำ… เคี้ยวไปเจอแต่เนื้อช็อกโกแลตทั้งนั้นเลยค่ะคุณขา 

ส่วนผสม เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง 

          • ไข่ไก่ 8 ฟอง (แช่เย็น)
          • ดาร์กช็อกโกแลตสับ 2 ถ้วย
          • เนยจืด 1 ถ้วย
          • น้ำตาลไอซิ่ง (โรยหน้า)
          • ราสป์เบอร์รี (ตกแต่ง)

วิธีทำเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง 

           1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
           2. ปูกระดาษรองอบลงในพิมพ์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ห่อพิมพ์ด้านนอกด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ เตรียมไว้
           3. ใช้เครื่องตีมือถือตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาที พักไว้
           4. ใส่ดาร์กช็อกโกแลตกับเนยจืดลงในชามทนความร้อนนำไปทำละลายบนปากหม้อต้มน้ำเดือด หรือนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที แล้วนำออกมาคนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่ที่ตีไว้แล้วลงไปคนผสมให้เข้ากัน 
           5. นำส่วนผสมเค้กเทใส่ลงในพิมพ์ เกลี่ยหน้าให้เรียบเนียน จับวางลงไปในหม้อที่ไซส์ใหญ่กว่า เทน้ำต้มเดือดลงไปด้านข้างพิมพ์ประมาณ 1/2 ส่วน นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 140 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 22-25 นาที เสร็จแล้วเอาเค้กออกมาพักไว้ให้เย็น นำเข้าไปแช่ตู้เย็น ก่อนเสิร์ฟโรยไอซิ่ง ตกแต่งด้วยราสป์เบอร์รี 

++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

3. ซูเฟล่ชีสเค้ก

          ถ้าหากคุณแฟนไม่ชอบเค้กแบบหวาน ๆ ไม่ชอบกินครีม ไม่ชอบช็อกโกแลต แหม… โจทย์ยากจังเลยนะคะ เอาล่ะ ! อย่าท้อ ลองทำชีสเค้กซูเฟล่ เค้กวันเกิดเนื้อฟูนุ่มสไตล์ญี่ปุ่น รสออกเปรี้ยวนิด ๆ มีกลิ่นครีมชีสหน่อย ๆ ละลายในปากเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเค้กเนื้อแน่น แต่ไม่หนัก ทานกับผลไม้ก็อร่อยสดชื่นจริง ๆ [สูตรจาก คุณ AdrenalineRush สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]

ส่วนผสม (สูตรสำหรับเค้ก 2 ปอนด์ ปรับสูตรนิดหน่อย)

          • แป้งเค้ก 50 กรัม
          • แป้งข้าวโพด 15 กรัม
          • นมสด 80 กรัม
          • ครีมชีส 140 กรัม
          • เนยสด 40 กรัม
          • ไข่แดง 75 กรัม
          • ไข่ขาว 180 กรัม
          • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย 120 กรัม
          • เนยขาวสำหรับทาพิมพ์

วิธีทำ

          1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่างอย่างเดียว เตรียมไว้ และทาไขมันที่พิมพ์ รองกระดาษไขที่ก้นพิมพ์และรอบ ๆ พิมพ์
          2. ร่อนแป้งเค้กและแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน 1 ครั้ง เตรียมไว้
          3. นำนมสดใส่ถ้วย นำเข้าไมโครเวฟ 1.30 นาที (หรือนำไปต้มจนเดือด) จากนั้นใส่ครีมชีสและเนยสดลงไป คนผสมแรง ๆ จนส่วนผสมเข้ากัน ใส่ไข่แดงและน้ำมะนาวลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันแล้วนำไปกรองผ่านกระชอน 2 รอบ เพื่อให้ได้ส่วนผสมเนื้อเนียน
          4. ใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ใช้ตะกร้อมือตะล่อมหรือคนจนส่วนผสมเข้ากัน พักไว้
          5. ตีไข่ขาวจนฟองอากาศเนียนละเอียด ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อจนตั้งยอดอ่อน แบ่งส่วนผสมไข่ขาวลงไปผสมกับส่วนผสมไข่แดง 3 ส่วน แต่ละครั้งตะล่อมให้เข้ากัน กระแทกอ่างผสมเบา ๆ 2-3 ครั้งให้ฟองอากาศลอยขึ้นมา
          6. ค่อย ๆ เทส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ นำเข้าอบแบบเทน้ำร้อนใส่ลงในถาด (Water Bath) อบนานประมาณ 1–1.15 ชั่วโมง ถ้าอบปอนด์เดียวประมาณ 45-50 นาทีก็สุกแล้วค่ะ ก่อนครบเวลาประมาณ 5 นาที เปิดไฟบนด้วยถ้าชอบให้หน้าด้านบนมีสีเข้มหน่อย
          7. นำขนมออกจากเตาแล้วนำออกจากพิมพ์ทันที

++++++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

4. เค้กไอศกรีม

          เอาใจคุณแฟนขี้ร้อนอยากกินของเย็นในวันเกิดด้วยเค้กไอศกรีมดีกว่าค่ะ เค้กไอศกรีมใส่ไอเดียทำเป็นลายตารางหมากรุก เนื้อเค้กมีการผสมผสานรสโกโก้และรสวานิลลาอย่างลงตัว น่าหม่ำขึ้นเยอะ ทำเองที่บ้านง่าย ๆ มีแค่ตู้เย็นก็ทำเค้กไอศกรีมแสนอร่อยได้แล้ว รับรองว่าจะเป็นเค้กวันเกิดที่น่าประทับใจแน่นอน [สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]

ส่วนผสม เค้กไอศกรีมรสวานิลลา

          • วิปปิ้งครีมแบบผงสำเร็จรูป 145 กรัม
          • นมสด
          • นมข้นหวาน 75 กรัม

ส่วนผสม เค้กไอศกรีมรสโกโก้

          • วิปปิ้งครีมแบบผงสำเร็จรูป 210 กรัม
          • นมสด
          • นมข้นหวาน 130 กรัม
          • ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

วัคถุดิบสำหรับตกแต่ง

          • ผงโกโก้
          • น้ำตาลไอซิ่ง

วิธีทำ

          1. ตีผสมนมสดกับวิปปิ้งครีมแบบผงจนวิปปิ้งครีมตั้งยอดแข็ง
          2.มาทำในส่วนของไอศกรีมรสโกโก้กันก่อน โดยเอาวิปปิ้งครีมที่ตีแล้วแบ่งออกมาผสมกับนมข้นหวานและผงโกโก้ ตีให้เข้ากันจนเนียน
          3. มาทำไอศกรีมรสวานิลลากัน ผสมวิปปิ้งครีมตามสูตรกับนมข้นหวาน ตักส่วนผสมแต่ละสีใส่ถุงบีบ บีบส่วนผสมแต่ละสีลงในพิมพ์ (โดยใช้พิมพ์แบบที่ถอดก้นได้นะคะ เวลาถอดจะได้ไม่ลำบาก) โดยบีบสลับสี (ช็อกโกแลต วานิลลา และช็อกโกแลต) บีบแล้วอย่าลืมเกลี่ยส่วนผสมให้เรียบ ๆ ด้วย 
          4. ต่อมาบีบชั้นที่สอง (วานิลลา ช็อกโกแลต และวานิลลา) 
          5. จากนั้นบีบชั้นที่สาม (ช็อกโกแลต วานิลลา และช็อกโกแลต) 
          6. เสร็จแล้วเอาไปแช่เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ถ้าเอาออกจากพิมพ์ยากให้เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาอังพิมพ์ค่ะ จะทำให้ถอดง่ายขึ้น แล้วเจาะกระดาษตามรูปตารางหมากรุก โดยโรยผงโกโก้และน้ำตาลไอซิ่งสลับกัน
+++++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

6. เครปเค้ก

          ใครกำลังมองหาเครปเค้กเป็นเค้กวันเกิดบ้างคะ ? ลองเปลี่ยนจากการเป็นผู้ซื้อมาลองทำเครปเค้กเนื้อนุ่มละมุนลิ้นส่งเป็นของขวัญแทนใจในวันเกิดปีนี้ดีกว่าค่ะ เจ้าเครปเค้กก้อนนี้มีชื่อเก๋ไก๋ว่า "Mille Crepe Cake with Raspberry Sauce" แม้เครปเค้กจะมีหลายชั้น และต้องทำซอสราสป์เบอร์รีอีก แต่เอาเข้าจริงวิธีทำง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีกนะคะ เอ้า... ลองลองทำดูค่ะ [สูตรจาก คุณ Stradivarius สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]

ส่วนผสม แป้งเครป

          • แป้งเค้ก 200 กรัม
          • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
          • ไข่ไก่ เบอร์ 0 จำนวน 6 ฟอง
          • นมสด 250 กรัม
          • วิปครีม หรือ นมข้นจืด 200 กรัม
          • น้ำเปล่า 300 กรัม
          • น้ำตาลทราย 100 กรัม
          • น้ำมันพืช 80 กรัม
          • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
          • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
          • เหล้ารัม 1 ช้อนชา

อุปกรณ์

          • กระทะเทฟลอนที่มีหู 2 ข้าง (เพื่อความสะดวกเวลาร่อนแป้งให้ทั่ว)
          • พายซิลิโคนทนไฟสองอัน (สำหรับพลิกแป้ง)

 ส่วนผสม วิปปิ้งครีม

          • วิปปิ้งครีมสำเร็จรูป 4 ถ้วย
          • น้ำตาลไอซิ่ง 4 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ซอสราสป์เบอร์รี

          • ราสป์เบอร์รี
          • น้ำตาลทราย

วิธีทำแป้งเครป

          1. นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกันในโถ หรือใครจะใช้เครื่องปั่น นำมาปั่นเอาก็ได้ ปั่นจนแป้งไม่เป็นเม็ดก็พอ จากนั้นนำส่วนผสมแช่เย็นไว้ 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืนไปเลยก็ได้ อย่าลืมช้อนฟองออกนะคะ (แป้งเครปที่ผสมแล้ว สามารถเก็บได้ถึง 48 ชั่วโมง)
          2. เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้วนำแป้งเครปที่พักไว้ในตู้เย็นออกมา ตักแป้ง 1/4 ถ้วย แล้วนำแป้งไปหยอดลงตรงกลาง ร่อนให้ทั่วกระทะ คอยดูแป้งไม่ให้หนา หรือบางมากเกินไป 
          3. ทิ้งพักไว้สัก 2-3 นาที จากนั้นใช้พายซิลิโคนแซะขอบรอบ ๆ แล้วพลิกแป้ง (ระวังอย่าให้แป้งขาด) เสร็จแล้วนำไปพักที่ตะแกรง แล้วก็ทอดชั้นต่อไปจนครบ 20 แผ่น หรือตามชอบ

วิธีทำ วิปปิ้งครีม

          1. ผสมวิปปิ้งครีมและน้ำตาลไอซิ่งในอ่างผสม ตีรวมกันจนเนื้อครีมตั้งยอด
          2. ต่อไปเป็นขั้นตอนประกอบร่างเจ้าเครปเค้ก นำครีมแปะเป็นจุด ๆ ไว้ที่ฐานก่อนกันแป้งเลื่อน จากนั้นก็นำแป้งเครปมาทาครีมทีละแผ่น วางซ้อนกันสลับไปมาจนครบ แต่อย่าทาครีมหนาเกินไปเพราะจะทำให้เลี่ยนได้ พอวางเสร็จจนครบชั้นแล้ว ก็ใช้สปาตูลาตบจากด้านบน และเก็บขอบด้านข้างให้เรียบร้อย เมื่อได้เครปเค้กแล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จึงนำออกมากินได้

วิธีทำ ซอสราสป์เบอร์รี

          1. ใส่ราสป์เบอร์รีลงในหม้อ ใช้ช้อนยี ๆ ให้เละสักเล็กน้อย ตามด้วยน้ำตาลทราย คลุก ๆ ส่วนผสมให้พอเข้ากันค่ะ
          2. จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปต้ม จะมีน้ำออกมาจากลูกราสป์เบอร์รี
          3. เสร็จแล้วนำเอาไปปั่นให้ละเอียดอีกรอบ แล้วกรองเอากากออกมาอีกทีจะได้ซอสราสป์เบอร์รีเนื้อเนียน ๆ รสชาติเปรี้ยวหวานแล้ว
++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

7. เครปเค้กสายรุ้ง

          เครปเค้กหน้าตาธรรมดา ๆ ราดซอสรสเปรี้ยวดูเกร่อเกินไปเนอะ ถ้าทำเป็นเค้กวันเกิดก็คงเก๋ไม่พอ ลองเปลี่ยนเป็นเครปเค้กสายรุ้งดีกว่าค่ะ แค่เห็นแวบแรกก็สะดุดตาแล้วทำให้อยากหม่ำขึ้นมาทันที อีกทั้งวิธีทำเครปเค้กสายรุ้งไม่ยากอย่างที่คิด แค่ใส่สีผสมอาหารไปในแป้งแต่ละชั้นเท่านั้นเองซึ่งต้องใช้เวลาและความอดทนกันเล็กน้อย แต่คุ้มค่าเหมาะเป็นเค้กวันเกิดแน่นอน [สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]

ส่วนผสม แป้งเครป

          • แป้งเค้กสำเร็จรูป 230 กรัม
          • น้ำตาลทราย 120 กรัม
          • เนยสด 150 กรัม
          • นมสด 600 กรัม
          • ไข่ไก่ 8 ฟอง
          • วิปปิ้งครีม 400 กรัม
          • สีผสมอาหาร  6 สี ตามชอบ

ส่วนผสม ซอสสตรอว์เบอร์รี

          • สตรอว์เบอร์รีสดปั่นละเอียด
          • น้ำตาลทราย
          • แป้งข้าวโพด

วิธีทำ เครปเค้ก

          1. นำนมสดไปต้มให้เดือดแล้วยกลงพักไว้ให้เย็น
          2. นำเนยสดไปละลาย ถ้าใช้ไมโครเวฟให้นำเข้าไปอุ่นประมาณ 1 นาที ถ้ายังไม่ละลายให้อุ่นต่ออีก 30 วินาที ส่วนถ้าบ้านใครไม่มีไมโครเวฟ ให้ตั้งน้ำเปล่าแล้วเอาอ่างที่ทนความร้อนวางทับแล้วละลายเนยสดบนอ่างแทน
          3. ตอกไข่ไก่ลงอ่างผสมแล้วตีพอเข้ากัน ใส่น้ำตาลทรายลงไปแล้วตีผสมต่อจนน้ำตาลทรายละลาย ทยอยใส่แป้งเค้กสำเร็จรูปลงไป โดยทยอยใส่ 2-3 รอบ ค่อย ๆ ใส่นมสดที่พักไว้จนเย็นแล้ว ทยอยใส่ 2-3 รอบ เหมือนกัน ใส่เนยละลายที่พักไว้จนเย็นแล้วลงไป คนผสมต่อให้เข้ากัน
          4. นำส่วนผสมไปกรอง (หากไม่กรองส่วนผสมจะทำให้เวลาทอดจะมีเม็ดแป้งอยู่ด้วย แล้วจะออกมาไม่สวย) เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้ 1 คืน
          5. วันรุ่งขึ้นนำส่วนผสมแป้งเครปออกจากตู้เย็นเพื่อเตรียมใส่สีลงไป (ก่อนผสมสีลงไปควรกวนแป้งเครปให้เข้ากันอีกรอบ) เราทำทั้งหมด 6 สี ใส่สีผสมอาหารลงในส่วนผสมแป้งสีละ 1 ถ้วย เราจะทอดแป้งครั้งละ 1/4 ถ้วย จะได้ทั้งหมด 24 แผ่น จริง ๆ สูตรนี้จะได้ 25 แผ่น เพราะฉะนั้นเราจะเหลือแป้งเครป 1 แผ่น ไว้ทดลองทำในกระทะเทฟลอนก่อน
          6. มาทอดแป้งเครปกัน โดยทาเนยสดบาง ๆ บนกระทะเทฟลอน เริ่มจากเอาส่วนผสมแป้งที่เหลือจากการตวงทั้ง 6 สี มาลองทอดดูก่อน โดยใช้ไฟอ่อนค่ะ ไฟแรงมากจะไม่ออกมาเป็นแผ่น ทดลองเสร็จแล้วจึงทอดแป้งเครปจนครบ 24 แผ่น พักแป้งเครปที่ทอดทั้งหมดไว้ให้เย็น ใครกลัวแป้งเครปติดกันเอากระดาษไขรองชั้นต่อชั้นก็ได้
          7. ระหว่างรอแป้งเครปเย็นมาตีวิปปิ้งครีมกัน (ถ้าชอบวิปปิ้งครีมเยอะก็เพิ่มปริมาณลงไปได้เลยไม่ว่ากัน) ตีแค่พอยอดอ่อนก็พอ ถ้าวิปปิ้งครีมยอดแข็งมากจะปาดแป้งเครปลำบาก
          8. มาประกอบเครปเค้กสายรุ้งกัน (ใครมีจานหมุนสำหรับแต่งเค้กเอามาใช้ได้เลยนะคะ เราไม่มีก็เอาเก้าอี้ในห้องที่หมุนได้มาใช้แทน) วางแผ่นแป้งเครปสลับกับวิปปิ้งครีมค่ะ โดยวางไล่ทีละสี ปาดครีมให้พอดี ๆ นะคะ หากปาดครีมน้อยไปเวลาเรากินจะเหมือนมีแต่แป้ง แต่ถ้าปาดมากไปก็เลี่ยน

วิธีทำ
ซอสสตรอว์เบอร์รี

          • นำสตรอว์เบอร์รีสดปั่นละเอียดไปต้มกับน้ำตาลทราย ใส่แป้งข้าวโพดลงไปนิดหน่อย (ไม่มีอัตราส่วนผสมและสูตรตายตัว ปรับเอาตามรสที่ชอบเลยค่ะ)
+++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ

 8. เค้กชาเขียว

          ทราบไหมว่า ชาเขียวที่ชงกินกันเป็นน้ำชาเขียวแบบร้อน แบบเย็น หรือใส่นมสด สามารถนำมาทำเค้กชาเขียว เนื้อฟูนุ่ม สูตรหวานน้อย นอกจากมีส่วนผสมของผงชาเขียวแล้ว ยังโรยผงชาเขียวตกแต่งหน้าเค้กแบบจัดเต็มเอาใจคนชอบความขมเขาล่ะ ใครที่มีแพลนจะทำเค้กวันเกิดก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะ จะได้ประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับกันถ้วนหน้า [สูตรจาก เฟซบุ๊ก Baking Glory]

ส่วนผสม ของแห้ง

          • แป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) 1/2 ถ้วย
          • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
          • ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 1/4 ถ้วย

ส่วนผสม ไข่แดง

          • ไข่แดง 2 ฟอง
          • น้ำมันเมล็ดชา 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้น้ำมันพืชแทนได้)
          • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ไข่ขาว

          • ไข่ขาว 2 ฟอง
          • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 1/3 ถ้วย
          • สีผสมอาหารสีเขียว เล็กน้อย (เพื่อเพิ่มสีสัน แต่ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร)
          • ครีมสด (สำหรับแต่งหน้าเค้ก) สามารถเข้าไปดูเคล็ดลับวิธีตีครีมสดได้ที่ เฟซบุ๊ก Baking Glory

วิธีทำเค้กชาเขียว

          1. แบ่งส่วนผสมเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของแห้ง ส่วนไข่แดง และส่วนไข่ขาว
          2. ร่อนแป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) กับผงฟู ผงชาเขียว และเกลือป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายส่วนที่ 1 ลงไป เตรียมไว้
          3. ผสมไข่แดง น้ำมันเมล็ดชา และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
          4. ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) เข้าด้วยกันจนตั้งยอดแข็ง เตรียมไว้
          5. นำส่วนผสมไข่แดง ในข้อ 3 ผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ ในข้อ 2 คนผสมให้เข้ากันจนเนียน และชาเขียวไม่เป็นเม็ด ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีไว้ ในข้อ 4 คนผสมพอเข้ากัน
          6. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที (ถ้าถาดเล็กจิ๋วแบบถ้วยก็ประมาณ 20 นาที ต้องคอยดู และจิ้มเช็กดูเนื้อค่ะ ใช้ไม้จิ้มฟันลองจิ้มดู ถ้าเนื้อไม่ติดไม้ก็โอค่ะ อย่าอบนานไปเพราะเนื้อจะแห้ง) นำเค้กที่อบเสร็จแล้วมาผ่าครึ่งแล้วทาด้วยวิปปิ้งครีมที่ตีไว้ตามชอบ (โรยชาเขียวตอนก่อนทานจะได้สีสวย ถ้าโรยก่อนสีชาเขียวจะเข้ม เพราะโดนความชื้น)
+++++++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ
ภาพจาก aseasyasapplepie.com

9. เค้กช็อกโกแลตสูตรไม่ใส่ไข่และเนย

          ทุกครั้งเจอทำแต่สูตรเค้กใส่ไข่และเนย มาคราวนี้ลองเปลี่ยนแนวทำเค้กช็อกโกแลตสูตรไม่ใส่ไข่และเนยให้สุดที่รักกินหน่อยก็ดีเหมือนกัน ประหยัดขึ้นเยอะเลย (ฮา) หน้าตาก็โอเคอยู่ ส่วนรสชาติอยากให้พิสูจน์กันเองนะจ๊ะ  

ส่วนผสม เค้กช็อกโกแลต

          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1+1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ (ร่อนด้วยตะแกรง) 
          • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
          • ผงโกโก้ สูตรไม่หวาน 2/3 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ (ร่อนด้วยตะแกรง) 
          • ผงฟู 4 ช้อนชา
          • นมถั่วเหลือง หรือนมสด 1+3/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
          • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
          • น้ำตาลไอซิ่ง

วิธีทำเค้กช็อกโกแลต

           1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 320 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
           2. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ผงโกโก้ และผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
           3. ผสมนมถั่วเหลือง หรือนมสด น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน เทใส่ลงไปในส่วนผสมแป้งคนให้เข้ากัน
           4. เทส่วนผสมเค้กลงในพิมพ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เซนติเมตร นำเข้าเตาอบประมาณ 40 นาที หรือจนสุก นำออกจากพิมพ์พักไว้ให้เย็น โรยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ

+++++++++++++++++++++

10 วิธีทำเค้กวันเกิด เนรมิตของขวัญแทนใจ ทำง่ายสูตรเป๊ะ
ภาพจาก  isavea2z.com

10. เค้กแตงโมสดไร้แป้ง

          สำหรับคุณแฟนที่ชอบกินผลไม้เต็มปากเต็มคำ เรามีเค้กแตงโมสดที่มีส่วนผสมเนื้อเค้กเป็นแตงโมทั้งลูก ปาดวิปปิ้งครีม เหมาะกับหน้าซัมเมอร์มาก ๆ เลยค่ะ ไอเดียเก๋ทำเป็นเค้กวันเกิดได้ใจสุด ๆ สูตรไร้แป้งด้วยนะคะ ระหว่างที่ปอกแตงโมต้องประดิดประดอยหน่อยนะคะ จะได้ออกมาหน้าตาสวย ๆ [สูตรจาก isavea2z สูตรที่ 1]

ส่วนผสม เค้กแตงโมสด

          • แตงโมลูกใหญ่ 1 ลูก
          • วิปปิ้งครีม
          • บลูเบอร์รีสด สำหรับแต่ง
          • ราสป์เบอร์รีสด สำหรับแต่ง
          • อัลมอนด์สไลซ์ สำหรับแต่ง

วิธีทำ เค้กแตงโมสด

          • 1. ปอกเปลือกแตงโมออก จากนั้นหั่นเป็นทรงเดียวกับเค้กปอนด์

          • 2. ตีวิปปิ้งครีมจนขึ้นฟู จากนั้นปาดวิปปิ้งครีมลงบนแตงโมจนทั่ว แต่งด้วยบลูเบอร์รีสด ราสป์เบอร์รีสด และอัลมอนด์สไลซ์ ตัดเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟ

          จบไปแล้วสำหรับ 10 วิธีทำเค้กวันเกิด เกิดความรู้สึกรักพี่เสียดายน้อยขึ้นมาทันทีเลยเชียวค่ะ เพราะแต่ละไอเดียนี่กระตุ้นต่อมอยากทำมาก ๆ รวมถึงอยากกินด้วย เนอะ ถ้าหากเลือกทำสักก้อนไม่ได้ก็จับสลากเอาแล้วกันค่ะ ฮ่าฮ่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วใช้ตั้งแต่สมัยเรียน แล้วพบกันใหม่นะคะ
https://cooking.kapook.com/view125213.html

การเขียนบรรณานุกรม

การเขียนบรรณานุกรม


สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว “จันทร์ไทยบล็อก” บล็อกที่มีบทความดีๆ สาระความรู้มาฝากเพื่อนๆ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน มีเรื่องราวดีๆมาฝากเช่นเคย สำหรับบทความวันนี้เราจะมาพูดถึง “บรรณานุกรม” สำหรับคำว่า “บรรณานุกรม” ในทางสารสนเทศ หมายถึงข้อความที่ประกอบ หรือระบุหรือไว้ในส่วนท้าย หรือแนบท้ายหนังสือ รายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย เพื่อแสดงหลักฐาน ความน่าเชื่อถือ และเป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้อ่านรายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
ตรงกับคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ Bibliography ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกันคือ รายการสื่อสารนิเทศทั้งหมดที่ผู้เขียนได้ใช้ประกอบการเขียนหนังสือ รายงาน บทความวิชาการ และงานวิจัย
เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะสงสัยเหมือนกันว่า ระหว่างบรรณานุกรมกับการเขียนอ้างอิงนั้นแตกต่างกันอย่างไร บางคนอาจจะคิดว่ามันเหมือนกันแต่ความจริงแล้วไม่เหมือนกันค่ะ
การอ้างอิง(Reference) หมายถึง การบอกแหล่งที่มาของข้อความที่ใช้อ้างอิง ในเนื้อหาที่นำมาเขียนเรียบเรียง
เพราะฉะนั้น ถ้าจะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างบรรณานุกรมกับการอ้างอิงให้เข้าใจแบบง่ายๆ ก็คือ บรรณานุกรม จะเป็นการระบุถึงรายการของความรู้ต่างๆ สิ่งพิมพ์วัสดุความรู้ ที่เป็นแหล่งที่เราศึกษาเป็นความรู้แล้วนำมาประกอบการเขียน ให้เราสามารถไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งนั้นได้ ส่วนการอ้างอิง จะเป็นการตัดข้อความ หรือ คำพูด มาประกอบงานเขียนเลย
เช่น สมมติว่ามีคนมาคัดลอกบทความจากจันทร์ไทยบล็อกไปใช้ โดยไม่ได้แก้อะไรเลยหรือมีแค่ข้อความส่วนใดส่วนหนึ่ง เขาจะต้องอ้างอิงว่าเอามาจากไหน แต่ถ้าเขาเอาความรู้ที่ได้จากบทความต่างๆ จากจันทร์ไทยบล็อก ไปเขียนสรุปเป็นเรื่องใหม่โดยเรื่องใหม่นั้นไม่ได้มีข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งในเรื่องใหม่นี้เลย เขาจะต้องระบุเป็นบรรณานุกรมเอาไว้ให้ผู้อ่านสามารถรู้แหล่งที่มาของความรู้ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมได้
ตัวอย่างการเขียนอ้างอิง
การอ้างอิงแบบแทรกปนในเนื้อหา ซึ่งมี 2 ระบบ (ส่งศรี ดีศรีแก้ว, 2534 : 78) คือ
1.1 ระบบนาม – ปี ( Author – date)
ระบบนาม – ปี เป็นระบบที่มีชื่อผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ และเลขหน้า ที่อ้างอิงอยู่ภายในวงเล็บ ดังตัวอย่าง
(ชื่อผู้แต่ง.  ปีที่พิมพ์ : เลขหน้าที่อ้างอิง)
1.2  ระบบหมายเลข (Number System)  เป็นระบบที่คล้ายคลึงกับระบบนาม – ปี แต่ระบบนี้จะใช้หมายเลขแทนชื่อผู้แต่งเอกสาร
อ้างอิง มีอยู่ 2 วิธี คือ
1.2.1 ให้หมายเลขตามลำดับของการอ้างอิง
1.2.2 ให้หมายเลขตามลำดับอักษรผู้แต่ง
ส่วนบรรณานุกรรม ( Bibliography )นั้น หมายถึง รายการของทรัพยากรสารนิเทศที่ใช้ค้นคว้าประกอบการเขียนรายงาน และนำมาอ้างอิงไว้ท้ายเล่ม
ความสําคัญของบรรณานุกรม
ในการศึกษาค้นคว้าและเขียนรายงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จำเป็นจะต้องรวบรวมบรรณานุกรมไว้ท้ายเล่มเสมอ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.   เพื่อแสดงว่ารายงานฉบับนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผล  มีสาระน่าเชื่อถือได้
2.   เพื่อแสดงว่าผู้เขียนรายงานเคารพสิทธิและความคิดเห็นของผู้แต่งหนังสือที่ได้นํามาใช้ประกอบการเขียนนั้น
3.   เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจได้ศึกษารายละเอียด หรือข้อเท็จจริงที่นํามาประกอบการเขียนเพิ่มเติมได้อีก
4.   เพื่อตรวจสอบหลักฐานดั้งเดิมที่ผู้เขียนนํามาประกอบในรายงาน
การรวบรวมบรรณานุกรม
มีวิธีการและข้อควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1.   ทรัพยากรสารนิเทศที่นํามาจัดทําบรรณานุกรม  ต้องเป็นทรัพยากรสารนิเทศที่ใช้ค้นคว้าและที่นำมาอ้างอิงในรายงานเท่านั้น
2.   การเขียนบรรณานุกรมของสิ่งพิมพ์  สามารถหาข้อมูลได้จากหน้าปกใน (TitlePage) เนื่องจากมีข้อมูลที่จำเป็นสําหรับการเขียนบรรณานุกรม หากข้อมูลที่ต้องการมีไม่ครบ ให้ใช้ข้อมูลจากปกนอก หรือจากส่วนอื่นของสิ่งพิมพ์
3.   การเขียนบรรณานุกรม ให้เริ่มอักษรตัวแรกของบรรณานุกรมที่ระยะชิดขอบ หรือ***งจากขอบกระดาษด้านซ้าย 1.5  นิ้ว ถ้าข้อความบรรทัดแรกไม่จบ ให้ขึ้นบรรทัดที่ 2, 3 ใหม่ โดยเริ่มที่ระยะย่อหน้า
4.   กรณีที่ใช้ทรัพยากรสารนิเทศหลายชื่อเรื่อง ของผู้แต่งคนเดียวกัน การลงรายการครั้งแรกให้ลงตามหลักเกณฑ์  ส่วนการลงบรรณานุกรมลําดับต่อไปให้ขีดเส้นตรง 1 นิ้ว  แทนชื่อผู้แต่ง แล้วลงรายการ อื่น ๆ ให้สมบูรณ์
5.   หากทรัพยากรสารนิเทศใดไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง ให้ใช้ชื่อเรื่อง หรือ ชื่อบทความ เป็นรายการแรกแทนชื่อผู้แต่ง
6.   หากรายการที่นํามาจัดทําบรรณานุกรมมีทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ  ให้เรียงภาษาไทยก่อนภาษาต่างประเทศ
7.   การเรียงลําดับทรัพยากรสารนิเทศในบรรณานุกรม  ให้เรียงตามลำดับอักษรตัวแรกของรายการนั้น ๆ ตามแบบพจนานุกรม  โดยไม่ต้องใส่หมายเลขลําดับที่ของรายการ
ต่อมาเรามาดูตัวอย่างบรรณานุกรมกันบ้าง
1. ตัวอย่าง บรรณานุกรมหนังสือภาษาไทย
2. ตัวอย่าง บรรณานุกรมภาษาอังกฤษ
3. ตัวอย่าง บรรณานุกรมวิทยานิพนธ์
4. ตัวอย่าง บรรณานุกรมบทความจากหนังสือ
5. ตัวอย่าง บรรณานุกรมบทความจากวารสาร
6. ตัวอย่าง บรรณานุกรมคอลัมน์จากวารสาร
7. ตัวอย่าง บรรณานุกรมคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
8. ตัวอย่าง บรรณานุกรมโสตทัศนวัสดุ
9. ตัวอย่าง บรรณานุกรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์
1. บรรณานุกรมหนังสือภาษาไทย  
แบบ ก
ชื่อ / ชื่อสกุล. / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์. / / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์, /
/ / / / / / /ปีที่พิมพ์.
แบบ ข
ชื่อ / ชื่อสกุล. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์. / / เมืองที่พิมพ์/ : / ผู้รับผิดชอบ
/ / / / / / / ในการพิมพ์.
ตัวอย่าง
แบบ ก
กิตติกร  มีทรัพย์. จิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็ก. พิมพ์ครั้งที่ 3.  กรุงเทพฯ : ธุรกิจการพิมพ์,
2544.
แบบ ข
กิติกร  มีทรัพย์.  (2544).  จิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็ก.  พิมพ์ครั้งที่ 3.  กรุงเทพฯ :
ธุรกิจการพิมพ์.
2. บรรณานุกรมหนังสือภาษาอังกฤษ
แบบ ก
ชื่อสกุล. / ชื่อต้น / ชื่อกลาง(ถ้ามี). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์./ /เมืองที่พิมพ์/:/ผู้รับผิดชอบ
/ / / / / / /ในการพิมพ์./ / ปีที่พิมพ์.
แบบ ข
ชื่อสกุล./อักษรย่อชื่อต้น / อักษรย่อชื่อกลาง(ถ้ามี). / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ครั้งที่พิมพ์.
/ / / / / / / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์.
ตัวอย่าง
แบบ ก
Hartley, Eric Key.  Childhood and society.  2 nd ed. New York : Mc Graw –
Hill, 1989.
แบบ ข
Hartley, E.K. (1989). Childhood and Society. 2 nd ed. New York : MC Graw -Hill.
3.บรรณานุกรมวิทยานิพนธ์
แบบ ก
ชื่อผู้เขียน. / / ชื่อเรื่อง. / / ระดับวิทยานิพนธ์. / / ชื่อเมืองที่พิมพ์ / : / ชื่อมหาวิทยาลัย, /
/ / / / / / / ปีที่พิมพ์.
แบบ ข
ชื่อผู้เขีัยน. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อเรื่อง. / / ระัดับวิทยานิพนธ์, / ชื่อสาขา / คณะ /
/ / / / / / / ชื่อมหาวิทยาลัย.
ตัวอย่าง
แบบ ก
ภัคพร  กอบพึ่งตน.  การประเมินคุณภาพการพยาบาลผู้คลอดปกติในโรงพยาบาล
นครพิงค์จังหวัดเชียงใหม่.  วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2540.
แบบ ข
ภัคพร  กอบพึ่งตน.  (2540).  การประเมินคุณภาพการพยาบาลผู้คลอดปกติในโรงพยาบาล
นครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่.  วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต,  สาขาวิชา
การบริหารการพยาบาล บัณฑิตวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
4. บรรณานุกรมบทความจากหนังสือ
แบบ ก
ชื่อผู้เขียน./ / “ชื่อตอนหรือบทความ” / ใน / ชื่อหนังสือ. / / หน้า / เลขหน้า. / / ชื่อบรรณาธิการ
/ / / / / / / (ถ้ามี)./ / เมืองที่พิมพ์ / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์, /ปีที่พิมพ์.
แบบ ข
ชื่อผู้เขีน. / / (ปีที่พิมพ์). / / ชื่อบทความ. / / ใน / ชื่อบรรณาธิการ (บรรณาธิการ)(ถ้ามี). / /
/ / / / / / / ชื่อหนังสือ. / / (หน้า / เลขหน้า). / / เมือง / : / ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์.
ตัวอย่าง
แบบ ก
สมจิต   หนุเจริญกุล  และ  ประคอง  อินทรสมบัติ.  “การประเมินผลการพยาบาล”  ใน
เอกสารการสอนชุดวิชามโนมติและกระบวนการพยาบาล หน่วยที่ 8-15.
หน้า 749 – 781.  มยุรา  กาญจนางกูร, บรรณาธิการ.  กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2536.
แบบ ข
สมจิต  หนุเจริญกุล  และ  ประคอง  อินทรสมบัติ. (2536).  การประเมินผลการพยาบาลใน
ใน มยุรา  กาญจนางกูร (บรรณาธิการ).  เอกสารการสอนชุดวิชามโนมติและ
กระบวนการพยาบาล หน่วยที่ 8 – 15.  (หน้า 749- 781). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
5. บรรณานุกรมบทความจากวารสาร
แบบ ก
ชื่อผู้เขียน. / / “ชื่อบทความ” / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือเล่มที่ (ฉบับที่) / : / เลขหน้า; /
/ / / / / / / วัน (ถ้ามี) / เดือน / ปี.
แบบ ข
ชื่อผู้เขียน. / / (ปี, / วัน / เดือน). / / ชื่อบทความ. / / ชื่อวารสาร. ปีที่หรือเล่ม(ฉบับที่), /
/ / / / / / /เลขหน้า.
ตัวอย่าง
แบบ ก
วิทยาคม  ยาพิศาล.  “การพัฒนาคุณภาพระบบงานศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ตาม
แนวทางการตรวจติดตามทางวิชาการและระบบคุณภาพ”  กรมวิทยาศาสตร์การ
แพทย์.  46(3) : 142 – 153 : กรกฎาคม – กันยายน 2547.
แบบ ข
วิทยาคม  ยาพิศาล.  (2547,กรกฏาคม – กันยายน). การพัฒนาคุณภาพระบบงานศูนย์วิทยา-
ศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ตามแนวทางการตรวจติดตามทางวิชาการและระบบคุณ
ภาพ.  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 46(3), 142 – 153.
6.บรรณานุกรมคอลัมน์จากวารสาร
แบบ ก
ชื่อผู้เขียน. / /”ชื่อคอลัมน์ / : / ชื่อเรื่องในคอลัมน์” / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือเล่มที่(ฉบับที่) / :
/ / / / / / /เลขหน้า ; / วัน (ถ้ามี) / เดือน / ปี.
แบบ ข
ชื่อผู้เขียน. / / (ปี, วัน / เดือน). / / ชื่อคอลัมน์/ : /ชื่อเรื่องในคอลัมน์. / / ชื่อวารสาร. / / ปีที่หรือ
/ / / / / / /เล่มที่(ฉบับที่),/เลขหน้า.
ตัวอย่าง
แบบ ก
วิทยา  นาควัชระ.  “คุยกันเรื่องของชีวิต : ประโยชน์ของการท่องเที่ยว” สกุลไทย.  40(2047) :
191 – 192 ; 26 ตุลาคม 2544.
แบบ ข
วิทยา  นาควัชระ.  (2544, 26 ตุลาคม).  คุยกันเรื่องของชีวิต : ประโยชน์ของการท่องเที่ยว.
สกุลไทย. 40(2047), 191 – 192.
7.บรรณานุกรมคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
แบบ ก
ชื่อผู้เขียนบทความ. / / “ชื่อคอลัมน์ / : / ชื่อเรื่องในคอลัมน์” /ชื่อหนังสือพิมพ์. / / วัน / เดือน/
/ / / / / / /ปี. / / หน้า / เลขหน้า.
แบบ ข
ชื่อผู้เขียนบทความ. / /(ปี, / วัน / เดือน). / /ชื่อคอลัมน์/ : /ชื่อเรื่องในคอลัมน์./ / ชื่อหนังสือ
/ / / / / / / พิมพ์, / หน้า / เลขหน้า
ตัวอย่าง
แบบ ก
นิติภูมิ  เนาวรัตน์.  “เปิดฟ้าส่องโลก : ตัวอย่างการอยู่ร่วมกัน : อียู” ไทยรัฐ.  5 มิถุนาน 2546.
หน้า 2.
แบบ ข
นิติภูมิ  เนาวรัตน์.  (2546, 5 มิถุนายน). เปิดฟ้าส่องโลก : ตัวอย่างการอยู่ร่วมกัน : อียู. ไทยรัฐ,
หน้า 2.
8.บรรณานุกรมโสตทัศนวัสดุ
แบบ ก
ชื่อผู้จัดทำ,/ หน้าที่ที่รับผิดชอบ./ / ชื่อเรื่อง. / / [ลักษณะของโสตทัศนวัสดุ]./ / ชื่อเมือง / : /
/ / / / / / / ผู้รับผิดชอบในการจัดทำ, / ปีที่จัดทำ.
แบบ ข
ชื่อผู้จัดทำ,/ หน้าที่ที่รับผิดชอบ. / / (ปีที่จัดทำ). / / ชื่อเรื่อง. / / [ลักษณะของโสตทัศนวัสดุ]./ /
/ / / / / / / ชื่อเมือง / : / ผู้รับผิดชอบในการจัดทำ.
ตัวอย่าง
แบบ ก
สายหยุด  นิยมวิภาต, ผู้บรรยาย.  ประเด็นปัญหาการวิจัยทางการพยาบาลคลินิก.
[เทปโทรทัศน์].   ขอนแก่น : คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2537.
แบบ ข
สายหยุด  นิยมวิภาต, ผู้บรรยาย. (2537). ประเด็นปัญหาการวิจัยางการพยาบาลคลินิก.
[เทปโทรทัศน์].  ขอนแก่น : คณะพยาบาลศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
9.บรรณานุกรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์
9.1 ฐานข้อมูล ซีดี – รอม
แบบ ก
ผู้แต่ง. / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสือ]. / / รายละเอียดทางการพิมพ์(ถ้ามี). / /
/ / / / / / / เข้าถึงได้จาก / : /แหล่งสารสนเทศ.
แบบ ข
ผู้แต่ง./ / (ปีที่พิมพ์ / ผลิต,/วัน / เดือน). / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสื่อ]. / /
/ / / / / / / รายละเอียดทางการพิมพ์(ถ้ามี). / / เข้าถึงได้จาก / : / แหล่งสารสนเทศ.
ตัวอย่าง
แบบ ก
นพรัตน์  เพชรพงษ์.  จำนวนวันนอนในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรงพยาบาลพิจิตร.
[ซีดี – รอม].  วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต.  เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่, 2545.  สาระสังเขปจาก : ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย แผ่นที่ 3, 2547.
แบบ ข
นพรัตน์  เพชรพงษ์.  (2545).  จำนวนวันนอนในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรงพยาบาลพิจิตร.
[ซีดี – รอม].  วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต.  สาขาวิชาการบริหารการ
พยาบาลบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  สาระสังเขปจาก : ฐานข้อมูล
วิทยานิพนธ์ไทยแผ่นที่ 3, 2547.
9.2 ฐานข้อมูลออนไลน์
แบบ ก
ผู้แต่ง./ / ชื่อเรื่อง./ / [ประเภทของสื่อ]. / / รายละเอียดทางการพิมพ์ (ถ้ามี). / /
เข้าถึงได้จาก / : /แหล่งสารสนเทศ. / / (วันที่ค้นข้อมูล / : / วัน / เดือน / ปี).
แบบ ข
ผู้แต่ง. / / (ปีที่พิมพ์ / ผลิต,/ วัน / เดือน). / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของสื่อ]. / / รายละเอียด
ทางการพิมพ์ (ถ้ามี). / / เข้าถึงได้จาก / : / แหล่งสารสนเทศ. / /
(วันที่ค้นข้อมูล / : / วัน / เดือน /ปี).
ตัวอย่าง
แบบ ก
พิมลพรรณ  พิทยานุกูล.  วิธีสืบค้นวัสดุสารสนเทศ. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http :
/ / www.lib.buu.ac.th.  (วันที่ค้นข้อมูล : 16 กันยายน 2546).
เรวัติ  ยศสุข.  “ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนอันตราย.”  ฉลาดซื้อ.  [ออนไลน์]. 6(6) ;
กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2546.  เข้าถึงได้จาก : http :/ /www.kalathai.com
= 16.  (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2547)
แบบ ก
พิมลพรรณ   พิทยานุกูล.  วิธีสืบค้นวัสดุสารสนเทศ. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http : / /
/ / www.lib.buu.ac.th.  (วันที่ค้นข้อมูล : 16 กันยายน 2546).
เรวัติ  ยศสุข.  (2546,กุมภาพันธ์ – มีนาคม).  “ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนอันตราย.”  ฉลาดซื้อ.
[ออนไลน์]. 6(6) เข้าถึงได้จาก : http : / / www.kalathai.com
? article_id = 16.  (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2547).http://blog.janthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1-3889.html

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

การทำงานเป็นทีม

การทำงานเป็นทีม

      การทำงานเป็นทีม หมายถึง การร่วมกันทำงานของสมาชิกที่มากกว่า 1 คน โดยที่สมาชิกทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายเดียวกันจะทำ
อะไรแล้วทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน
      การทำงานเป็นทีมมีความสำคัญในทุกองค์กรการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงานการทำงานเป็น
ทีมมีบทบาทสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือของกลุ่มสมาชิกเป็นอย่างดี
 
ลักษณะของทีม ลักษณะที่สำคัญของทีม 4 ประการ ได้แก่
        1. การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล หมายถึง การที่สมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมีความเกี่ยวข้องกันในกิจการของกลุ่ม / ทีม ตระหนักในความสำคัญของกันและกัน แสดงออกซึ่งการยอมรับ การให้เกียรติกัน สำหรับกลุ่มขนาดใหญ่มักมีปฏิสัมพันธ์กันเป็นเครือข่ายมากกว่าการติดต่อกันตัวต่อตัว
        2. มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายร่วมกัน หมายถึง การที่สมาชิกกลุ่มจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมร่วมกันของทีม / กลุ่ม โดยเฉพาะจุดประสงค์ของสมาชิกกลุ่มที่สอดคล้องกับองค์การ มักจะนำมาซึ่งความสำเร็จของการทำงานได้ง่าย
        3. การมีโครงสร้างของทีม / กลุ่ม หมายถึง ระบบพฤติกรรม ซึ่งเป็นแบบแผนเฉพาะกลุ่มสมาชิกกลุ่มจะต้องปฏิบัติตามกฏหรือมติของกลุ่ม ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มแบบทางการ (Formal Group) หรือกลุ่มแบบไม่เป็นทางการ (Informal Group) ก็ได้ สมาชิกทุกคนของกลุ่มจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี สมาชิกกลุ่มย่อย อาจจะมีกฎเกณฑ์แบบไม่เป็นทางการ มีความสนิทสนมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างสมาชิกด้วยกัน
        4. สมาชิกมีบทบาทและมีความรู้สึกร่วมกัน การรักษาบทบาทที่มั่นคงในแต่ละทีม / กลุ่ม จะมีความแตกต่างกันตามลักษณะของกลุ่ม รวมทั้งความรู้ความสามารถของสมาชิก โดยจีการจัดแบ่งบทบาทและหน้าที่ ความรับผิดชอบ กระจายงานกันตามความรู้ ความสามารถ และความถนัดของสมาชิก
         การทำงานเป็นทีมเป็นแรงจูงใจสำคัญที่จะผลักดันให้ท่านเป็นผู้นำที่ดี ถ้าท่านประสงค์ที่จะนำทีมให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน ท่านจำเป็นต้องค้นหาคุณลักษณะของการทำงานเป็นทีมให้พบระลึกไว้เสมอว่าทุกคนมีอิสระในตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นส่วนหนึ่งของทีม แล้วจึงนำเอากลยุทธ์ในการสร้างทีมเข้ามาใช้เพื่อให้ทุกคนทำงานร่วมกันและประสบความสำเร็จ
 
คุณลักษณะของทีม  
ทีมที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานคือกลุ่มของบุคคลที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ ทีม ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ท่านและเพื่อนร่วมทีมจะต้องยึดถือเป็นกรอบเพื่อทำงานร่วมกัน - มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
          - จัดการด้วยตนเอง
          - พึ่งพาตัวเอง
          - ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะ
          มีความเป็นหนึ่งเดียวกันสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุก ๆ คนจะถูกดึงเข้ามาในทิศทางเดียวกันเพื่อให้บรรลุความสำเร็จในงาน และ / หรือบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยทั่วไปแล้วงาน และ / หรือเป้าหมายอาจบรรลุได้เมื่อทำงานร่วมกันแทนที่จะต่างคนต่างทำ           ทีมงานที่มีประสิทธิภาพจะมีลักษณะโดดเด่นและสมาชิกทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในความสำเร็จด้วย จัดการด้วยตนเอง
ทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมีแนวโน้มว่าจะสร้างโครงสร้างเฉพาะตนขึ้นมา เนื่องจากสมาชิกยอมรับบทบาท ของตนในเวลาต่าง ๆ กัน คล้อยตามความจำเป็น ความต้องการและความสามารถของตน บางคนอาจมีประสบการณ์ในงานเฉพาะอย่างจึงอาจเป็นคนจัดการให้คนอื่น ๆ ทำตาม คนอื่น ๆ ก็จะทำหน้าที่ในกิจกรรมของตนไปในงานที่เขาคุ้นเคย พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกพัฒนาไปในแนวของโครงสร้างองค์กร และสมาชิกทุกคนจะต้องปฏิบัติตามพึ่งพาตัวเองสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะร่วมมือกับคนอื่น ๆ เพื่อทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือทำให้เป้าหมายสำเร็จอย่างไม่หลีกเลี่ยง ร่วมกันทำงานตามกำลังความสามารถของตนเอง ให้คำปรึกษาแนะนำและชักจูงเมื่อจำเป็น ร่วมประสานงานในหน้าที่และแก้ไขปัญหาอุปสรรคร่วมกัน ทุกคนต่างเอื้ออาทรช่วยเหลือกันและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำงานเกินกำลังหรือประสบปัญหายุ่งยากอันใดพวกเขาจะร่วมมือกัน เช่น อาจปกปิดคนที่มาทำงานสายหรือ เลิกงานก่อนเวลา           ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะโดยทั่วไปแล้วทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เพื่อให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมสร้างสรรค์และจัดการด้วยตัวเองได้ แบ่งงานกันทำอย่างยุติธรรม แบ่งปันความคิดเห็นและความรู้สึกอย่างเปิดเผย ร่วมกันคิดแก้ปัญหาอย่างฉับไวและทันกาล สมาชิกสัก 5 คนต่อทีมเป็นขนาดที่กำลังพอดี ถ้ามากไปกว่านั้นอาจเสียเวลาในการอภิปรายกลุ่ม ในขณะที่สมาชิกคนหนึ่งหรือสองคนกำลังทำงาน คนอื่น ๆ อาจไม่เข้าไปมีส่วนร่วมมากนัก อาจมีการจัดกลุ่มที่มีสมาชิกน้อยกว่า 5 คน ซึ่งจะมีบุคคลที่มีความสามารถไม่เพียงพอ หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในงานก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้งานสำเร็จอย่างเรียบร้อย แต่ไม่ว่ากลุ่มจะมีสมาชิกมากน้อยเพียงใดก็ตาม ท่านอาจไม่อยู่ในสถานะที่จะคัดเลือกได้ จำนวนสมาชิกเลขคี่จะดูสมเหตุสมผลกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาเสียงครึ่งหนึ่งเห็นอย่างหนึ่งเสียงอีกครึ่งหนึ่งเห็นอีกแบบหนึ่งในการตัดสินปัญหาใด ๆ การรู้จักเพื่อนร่วมทีมอีกอย่างหนึ่งที่ควรจำก็คือท่านไม่ควรมีทัศนะต่อเพื่อนร่วมทีมทุกคนว่าจะมีประสิทธิภาพเป็นแบบเดียวกัน เพราะทุกคนจะมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป จึงควรพิจารณาให้ต่างทัศนะกันไป อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันแบบที่เราจะกล่าวต่อไป แต่โปรดระมัดระวังอย่าไปคิดว่าคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันทีเดียวนัก เพราะว่าเขาหรือเธออาจมีเพียงบางอย่างที่สอดคล้องกัน จึงจำเป็นต้องรู้จักคนแต่ละคนเป็นอย่างดีสมาชิกของทีมมักจะเป็นดังต่อไปนี้
 
เป็นนักคิด
          สมาชิกประเภทนี้อาจเรียกว่าเป็น " คนเจ้าความคิด " เขามักเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องกระทำและมักจะมีความคิดความอ่านและมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ มากมาย นักคิดมักไม่ค่อยสนใจในรายละเอียดมากนัก โดยปกติแล้วสมาชิกของทีมประเภทนี้จะต้องถูกจัดการอย่างระมัดระวัง ให้เกียรติ ให้กำลังใจและแม้แต่การยกย่องให้เกิดความภาคภูมิใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถอนตัวออกไปจากทีมเสียก่อน
 
เป็นนักจัดองค์กร
         การทำงานร่วมกับนักคิดที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้นซึ่งอาจเป็นนักจัดองค์กร ผู้ซึ่งชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมงานเสมอ เพื่อไปจัดการและจัดสรรงานและหน้าที่ต่าง ๆ เป็นคนเจ้าหลักการและเจ้าระเบียบ แต่ก็เป็นผู้ทำงานที่มีประสิทธิภาพดี นักจัดองค์กรบางครั้งก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความคิดกว้างไกล แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก ในการทำงานเขามักจะประสบกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและและมีความไม่แน่นอน ท่านจะต้องมีแผนการฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อประสานงานกับเขาอย่างสม่ำเสมอ
เป็นนักปฏิบัติการ
         สมาชิกประเภทนี้เป็นนักสร้างงาน และมีทัศนคติที่จะตั้งใจทำงานเพื่อให้มีผลงานเกิดขึ้น เป็นคนเปิดเผย หุนหันพลันแล่น ไม่อดทนหากการตัดสินใจล่าช้าหรือถูกดูแลควบคุมการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด และมักจะผิดหวังเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ ท่านจะต้องใช้ความพยายามควบคุมหน่วงเหนี่ยวเขาไว้เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น
 
เป็นสมาชิกของทีม
         ไม่น่าแปลกใจนักที่สมาชิกของทีมจะเป็นผู้ที่กระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้ทีมงานประสบความสำเร็จ และมีการกระทำที่สนับสนุนและสามัคคีกลมเกลียวต่อเพื่อนร่วมทีมเป็นอันดี พยายามที่จะพัฒนาและเสนอแนวความคิดของกลุ่มมากกว่าแนวความคิดของตัวเอง สมาชิกของทีมมักไม่ชอบการเผชิญหน้าและการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ต้องการต่อต้านใครคนใดคนหนึ่ง บางครั้งสมาชิกของทีมก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ 91 เท่าที่ควรจึงพยายามปลีกตนเองออกจากคนอื่น ๆ ท่านจะต้องกระตุ้นและชักจูงให้เขาเสนอความคิดเห็น หรือให้ข้อแนะนำและมองในด้านบวกอยู่เสมอ
 
เป็นนักตรวจสอบ
         ก็เป็นไปตามชื่อนั่นแหละ นักตรวจสอบหรือนักตรวจซ้ำ มักชอบจับตาดูว่ามีงานอะไรบ้างที่ก้าวหน้า เขามักคิดว่าตนเองเป็นคนยุติธรรมและมีความพิถีพิถัน แต่คนอื่น ๆ อาจมองว่าเขาเป็นคนชอบใช้อำนาจและและเป็นพวกเผด็จการ นักตรวจสอบมีบทบาทที่ต้องคอยเตือนให้ทีมงานรู้สึกถึงความจำเป็นต้องใช้ความรีบด่วนปฏิบัติงานอย่างจริงจัง เพื่อให้งานก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายทันเวลา ท่านอาจต้องเข้าไปประสานกับนักตรวจสอบหรือทำหน้าที่ประนีประนอมเมื่อเขามีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ
 
เป็นนักประเมินผล
สมาชิกประเภทนี้เป็นผู้ที่สร้างสมดุลอย่างดียิ่งระหว่างนักคิดและนักปฏิบัติการ ชอบความเป็นอิสระและมักจะแยกตัวออกจากทีม มีความระมัดระวังและรอบคอบในการเข้าไปประเมินหรือวิเคราะห์ข้อมูลหรือสถานการณ์ ถึงแม้ว่านักประเมินผลจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของสมาชิกบางคน แต่ทัศนะของเขาก็ได้รับการยอมรับนับถือจากสมาชิกร่วมทีมคนอื่นๆ
 
กลยุทธ์ในการสร้างทีมงาน
         โดยแนวความคิดแล้วท่านและเพื่อนร่วมทีมย่อมต้องการเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน โดยมีท่านเป็นผู้นำทีม มีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ท่านควรนำมาใช้เพื่อให้บรรลุกระบวนการ อันได้แก่
 
สร้างทีมย่อย ๆ ขึ้นมา
        เห็นได้ชัดว่าท่านสามารถช่วยได้ในการกระตุ้นให้ทีมที่ประสบความสำเร็จสามารถพัฒนาสมาชิกอันมีจำกัดได้เมื่อต้องการ บางทีก็สัก 5 คน ซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดสำหรับสภาพแวดล้อมทั่ว ๆ ไป ท่านจำเป็นต้องคิดถึงบุคคลซึ่งประกอบกันเข้าเป็นทีม คงไม่เหมาะสมนักที่จะให้มีพนักงานสองคนซึ่งเป็นนักคิดเข้าร่วมทีมจะทำให้เกิดกรณีพิพาทขึ้นภายในทีมเพราะการริเริ่มและทัศนะที่ไม่สอดคล้องกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเราไม่ควรมีนักปฏิบัติการมากนัก เพราะแต่ละคนจะทำงานไปคนละทางสองทาง ดังนั้นจึงควรนำเอาอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมเข้ามาใช้ในการสร้างทีม ให้มี นักคิด นักจัดองค์กร นักปฏิบัติการ และอื่น ๆ ซึ่งจะสนับสนุนซึ่งกันและกันและตรวจสอบกันเองเป็นไปตามความเหมาะสม
 
เห็นชอบในเป้าหมาย
        ให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนรู้ว่างานของตนคืออะไร มาตรฐานและเป้าหมายคืออะไร และจะก้าวไปในทิศทางใด บุคลากรแต่ละหน่วยงานจะต้องพยายามรวมกลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อทำงานในหน้าที่อย่างดีที่สุดและให้อยู่ในทีมเดียวกัน สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนจัดรูปงานของตนเข้ากับงานของคนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวมอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา ต้องให้สมาชิกทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ตนกระทำอยู่ว่ากำลังทำอะไร ทำเมื่อใด ทำอย่างไร เพราะจะช่วยให้เกิดการประสานงานและทำงานด้วยกันอย่างสามัคคีกลมเกลียว
 
รู้จักสมาชิกเป็นรายตัว
        เป็นที่กระจ่างชัดว่าท่านจะต้องรู้จักสมาชิกแต่ละคนในทีมเป็นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่าสมาชิกแต่ละคนมีลักษณะสำคัญและองค์ประกอบอย่างใด ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน ท่านจะต้องติดต่อกับแต่ละคนในลักษณะที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น นักปฏิบัติการจะต้องถูกกระตุ้นให้ทำงานช้าลง รอคอย คิดและรับฟังคนอื่นก่อนที่จะทำงานต่อ ในบางครั้งท่านจะต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยสมาชิกของท่าน เช่น ระหว่างนักปฏิบัติการกับนักตรวจสอบ ให้ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเจรจากัน รับฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายและยอมรับทัศนะของอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง
 
รักษาไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารที่ดี
        การติดต่อสื่อสารระหว่างท่านและทีมงานและระหว่างทีมด้วยกันเองมีความสำคัญในการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเป็นทีมที่จะประสบความสำเร็จในการทำงาน การติดต่อสื่อสารสองทางอย่างต่อเนื่องและผลที่ได้รับกลับมาจะช่วยหยุดการซุบซิบนินทา ลดความสับสน ระงับปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและฟื้นฟูสัมพันธภาพโดยรวม นับเป็นความจำเป็นที่ทุกคนในองค์กรจะต้องพูดจากับคนอื่น ๆ ทั้งในการประชุมปกติที่เป็นทางการและอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อก้าวไปข้างหน้า ยอมรับคำแนะนำต่าง ๆ รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน แบบสอบถามต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ว่าท่านและทีมงานมีการติดต่อสื่อสารกันดีพอหรือไม่ อย่างใดที่จะต้องปรับปรุงบ้าง
http://www.local.moi.go.th/team.html